วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อันตรายของคนผอม


ดร. มิเชล พี. วาร์เรน แห่งศูนย์การแพทย์นิกายโปรเตสแตนต์ - โคลัมเบีย มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ศึกษาพบว่าการโหมออกกำลังกายมากเกินไป และกินอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบในหมู่ผู้หญิงที่ต้องการลดความอ้วน) อาจทำให้กระดูกผุกร่อน เปราะบาง และแตกหักง่าย เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร หรือเสียพลังงานอย่างมากไปกับกิจกรรมดังกล่าว ฮอร์โมนเลปติน (leptin) ที่ทำให้อยากอาหารจะถูกสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมีอาหารเข้าไปทดแทน แต่คนที่ทู่ซี้ไม่ยอมกินอะไรเข้าไปเลย ร่างกายก็จะแก้ปัญหาโดยลดกิจกรรมต่างๆของอวัยวะลง รวมถึงกระบวนการสร้างกระดูก บ่อยครั้งเข้ากระดูกจึงไม่สมบูรณ์และเปราะบางนั่นเอง
ความหิวที่เกิดจากฮอร์โมนเลปตินจึงเป็นตัวส่งสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังต้องการสารอาหารและพลังงาน ให้เราเติมอาหารเข้าไปโดยเร็วเพื่อให้ร่างกายทำงานเป็นปรกติ แต่ถ้าแน่ใจว่ากินอาหารครบสามมื้อ ไม่ฝืนธรรมชาติของร่างกายเสียอย่างก็ไม่ต้องกังวล

วิธีกินบุฟเฟ่ต์อย่างได้คุณค่า


่เราควรจะรู้ตัวว่าเมื่อไหร่ควรจะพอ และหยุดกิน ไม่ใช่กินเพื่อให้คุ้มตามข้อเสนอที่ทางร้านหยิบยื่น แต่เราต้องกินอย่างใส่ใจกับสุขภาพตระหนักถึงคุณประโยชน์และโทษที่ได้รับด้วยเช่นกัน
1. กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อหมู ไก่ วัว ปลาหมึก ให้น้อยลงโดยทานเนื้อปลา หรือผักแทนที่ เพราะเป็นอาหารที่ย่อยง่ายอีกทั้งปราศจากไขมันและไม่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
2. กินอาหารที่ต้มหรือลวกโดยพยายามกินอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ทอด ให้น้อยที่สุด
3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมระหว่างทานเพราะว่าสองสิ่งนี้ให้พลังงานอาหารที่มาก และต้องใช้เวลานานในการเผาผลาญควรเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำชาแทนที่
4. สังเกตเนื้อสัตว์ก่อนหยิบมารับประทาน หรือปรุงว่ามีสภาพ รูป สี กลิ่น ต่างไปจากปกติหรือไม่
5. เมื่อเห็นว่ากระทะหรือเตาย่างเริ่มไหม้แล้วควรเรียกพนักงานให้เปลี่ยนอันใหม่ให้ ไม่ควรเกรงใจทนกินต่อไปเพราะสิ่งที่สะสมอยู่บนกระทะนั้นนอกจากจะเป็นสารก่อมะเร็งตัวฉกาจแล้วนั้นยังทำให้เนื้อไม่สุกทั่วถึงกัน เนื่องจากคราบไหม้จะปิดกั้นความร้อนทำให้เนื้อที่ได้ไม่สุกดี
6. อย่ารีบทานจนเกินไปอาจฆ่าเวลาด้วยการเดินย่อย หรือคุยสังสรรค์กับเพื่อน เพื่อช่วยร่างกายในเรื่องการย่อยอาหาร
7. ออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกินจากมื้อนั้นๆ ด้วยวิธีเบาๆเช่น ค่อยๆ เดิน เพื่อกระตุ้นให้กระเพาะย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพหลังจากกินอาหารแล้วนั้น อย่าเพิ่งล้มตัวลงนอนในทันที ควรจะนั่งพักสักครู่หรือทำกิจกรรมเบาๆ อื่นๆ ก่อน
8. รับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ในร้านที่ไว้วางใจได้
ทั้งความสด สะอาดของอาหาร และความอนามัยของภาชนะ อย่าลืมว่า..สิ่งที่คุณจะได้รับไม่ว่าจะดีหรือร้าย ก็จะส่งผลจากสิ่งที่คุณกินเข้าไปนั่นเอง
"You are what you eat"

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แข็งแรงได้... เริ่มต้นง่ายๆ จาก 1 ก้าวเดิน

บางครั้งการเดินออกกำลังกายก็ไม่ใช่สักแต่ว่าเดินๆๆ เพราะหนึ่งก้าวของคุณมีความหมายมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวออกไปแบบไหนให้ร่างกายแข็งแรง แต่เรามีเคล็ดลับมาบอก
1. เริ่มจากหารองเท้าที่ใส่สบาย เดินนานๆ แล้วไม่เจ็บ เวลาซื้อก็อาจจะซื้อรองเท้าสำหรับวิ่ง แล้วหาสถานที่กว้างๆ อย่าง สวนสาธารณะ หรือพื้นที่ในหมู่บ้าน
2. เดินได้เลย ทุกๆ 30 วินาทีให้เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับความเร็วที่คุณคิดว่าพอสำหรับการเดินเร็ว 3. เมื่อคุณเดินเร็วจนถึงจุดสูงสุด คอยรักษาระดับนี้ไปเรื่อยประมาณ 30 นาทีแต่ต้องมั่นใจว่าเดินไม่ใช่การวิ่งจนเหนื่อยหอบ แต่ในครั้งแรกๆ คุณอาจใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้นทุกๆ สัปดาห์ และจะสังเกตุได้ว่าร่างกายคุณจะแข็งแรงมากขึ้น
4. นึกไว้อยู่เสมอว่าคุณเดินอย่างไร ต้องรู้ว่าตัวเองเดินอย่างถูกต้องหรือยัง เพราะถ้าไม่คุณจะเจ็บข้อเท้าได้และปวดเมื่อยได้ วิธีเดินให้ถูกต้องคือ ให้ส้นเท้าแตะพื้นก่อนแล้วค่อยๆ วางฝ่าเท้า และนิ้วเท้าหลังสุด เดินต่อไปด้วยฝ่าเท้าทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความเป็นมาของรางวัลโนเบล (Nobel prize)

อัลเฟร็ด โนเบล (Alfred Nobel) นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ประดิษฐ์ชุดดินระเบิดที่เรียกว่า ไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerine) หรือระเบิดไดนาไมต์ รู้สึกเสียใจที่ระเบิดของเขาถูกนำไปใช้ในการคร่าชีวิตมนุษย์ เมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1896เขาระบุในพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติให้นำไปตั้งมูลนิธิโนเบล เพื่อเป็นการสนับสนุน และมอบรางวัลให้แก่บุคคลที่มีผลงานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่น หรือสร้างคุณประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ โนเบลแสดงเจตนารมณ์ไว้ในพินัยกรรมของเขาอย่างชัดแจ้งว่า "...It is my express wish that in awarding the prizes no consideration be given to the nationality of the candidates, but that the most worthy shall receive the prize, whether he be Scandinavian or not. ..." ซึ่งหมายถึง ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับรางวัลนี้ต้องเป็น "บุคคลผู้อำนวยคุณประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ โดยไม่จำกัดว่าบุคคลผู้นั้นจะมีเชื้อชาติไหน พูดภาษาใด "
พิธีมอบรางวัลโนเบลจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 10 ธันวาคม โดยจัดขึ้นครั้งแรกหลังจากโนเบลเสียชีวิตไปได้ 5 ปี (ค.ศ. 1901) มี 5 สาขา คือ คือ ฟิสิกส์(physics) เคมี (chemistry) การแพทย์และสรีรวิทยา (physiology ormedicine) วรรณกรรม (literature) สันติภาพ (peace) และในปี ค.ศ. 1969จึงเพิ่มรางวัลอีก 1 สาขา คือสาขาเศรษฐศาสตร์ (economic) ผู้พระราชทานรางวัลโนเบลคือ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรสวีเดนแม้ว่าบางปีรางวัลบางสาขาอาจไม่มีการตัดสิน แต่มีข้อกำหนดว่าระยะเวลาของการเว้นการมอบรางวัลต้องไม่เกิน 5 ปี รางวัลที่มอบให้ประกอบด้วย เหรียญทองที่ด้านหน้าสลักเป็นรูปหน้าของอัลเฟร็ด โนเบล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณและเงินสด
รางวัลโนเบลถือ เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติของชาวโลก ถือเป็นสิ่งที่เชิดชูเกียรติ บ่งบอกถึงความเก่งกาจ ยอดเยี่ยม และเป็นผู้อุทิศตนเพื่อความเจริญก้าวหน้า ความสงบและสันติของสังคมโลก

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง...รู้ไว้ไม่เป็นหนี้

บางคนอาจใช้ขีดเส้นขนาน แล้วเขียนข้อความ / เซ็นรับรอง วันนี้เอาวิธีเซ็นชื่อรับรองสำเนาที่ถูกต้อง มาแบ่งปันให้คุณรู้ไว้จะได้ไม่เป็นหนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ประมาทไม่ได้เลยล่ะ เพราะหากเซ็นไม่ถูกวิธีแม้เพียงนิดเดียว คุณอาจตกเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่นำเอาเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารสำคัญอื่นๆ จากการเซ็นรับรองของเราไปทำประโยชน์ส่วนตน แต่สร้างหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้กับเรา ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า...ทุกครั้งหากต้องเซ็นเอกสารรับรองสำเนาอย่าลืม ...จำ...และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1) ทุกครั้งหลังจากเซ็นชื่อ และเขียนรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ต้องเขียนรายละเอียดกำกับไว้ด้วยว่า เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร เช่น " ใช้เฉพาะสมัครงานเท่านั้น "
2) นอกจากกำกับรายละเอียดการใช้แล้ว ยังต้องกำกับ วัน/เดือน/ปี เขียนลงบนสำเนาที่ใช้ด้วยนะคะ ซึ่งนั่นจะช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนาของเราได้
3) ต้องเขียนข้อความทั้งหมดทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารอื่นๆที่สำคัญทั้งสามข้อคือวิธีเซ็นที่ถูกต้องในการรับรองสำเนาอย่างรัดกุม ไม่เปิดช่องทางให้กับมิจฉาชีพ เอาไปสร้างหนี้ให้กับเรา ต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจเป็นรายต่อไป ที่จู่ๆก็มีหนี้ตามมาเคาะประตูถึงบ้าน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามล่ะ
4) ในกรณี ที่เซ็นเอกสาร ต้องใช้ปากกาหมึกสีดำเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะเครื่องถ่ายเอกสารบางเครื่องสามารถถ่ายเอกสารโดยดึงหมึกสีน้ำเงินออก เหลือใช้เฉพาะข้อความของบัตรประชาชน แล้วทำให้มิจฉาชีพ เซ็นเอกสารบัตรประชาชนนั้นแทนเราได้เลย ****เพราะฉะนั้นเราควรเซ็นด้วยปากกาสีดำเท่านั้น เพราะไม่สามารถดึงหมึกสีดำออกได้ หรือถ้าดึงสีดำออกได้ข้อความก็จะหายไปหมดเลยทั้งหน้าบัตรประชาชน

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

7 มารยาทที่คุณห้ามทำในต่างประเทศ

อันดับ 1 ห้าม "OK" ที่บราซิล (Give the "OK" Sign in Brazil)
สากล:ตกลง!! โอเค
บราซิล:ฮายบราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าคุณทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!!ในบราซิลการทำมือ โอเคหรือตกลงนั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ "ตกลง" เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ"ฟักยู" ในอเมริกา(โชว์นิ้วกลาง) เราไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาประทศมาแล้วเมื่อ ปี 50 นิกสันมายืนอเมริกาและในขณะก้าวจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวกล้องถ่ายรูปประชิดตัว และขณะนิกสันกำลังก้าวไปขึ้นรถนั้นเอง เขาก็ทำมือโอเคทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิปตรีคนแรกของบราซิล แน่นอนคนบราซิลก็นึกว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล
สรุปก็คือการมาเยือนของนิกสันในบราซิลครั้งนี้ก็คือการถูกต้อนรับด้วยปัสสาวะ,อึ ที่กระหนำปาใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง.......


อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)
สากล: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีกฝ่ายคิด)ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ(ว่ะ)
ในบางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่นเรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างสิ่งปฏิกูลเวลาเข้าส้วม(สำหรับคนถนัดขวานะ,ลูบหน้า,นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุนของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย,แอฟริกา, ศรีลังกา,ประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อความรู้อีกเยอะ เช่น อย่าใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน, อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่นอน(กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วงประสูติ)


อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia)
สากล: "ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน มันเลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: "ตาย! ตาย! ตาย! อ๊าคคคคคคคคคคคค"
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่นั้นใช้ในงานศพเท่านั้นนะครับ และแน่นอนเกิดขึ้นเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียละก็มีหวังได้เห็นหมัดแน่นอน เพราะมันเหมือนกับเราแช่งให้เขาตายเร็วๆ เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่าและคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก
พูดถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อที่ห้ามทำนรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน,ห้ามปฏิเสธการดื่มอวยพร,เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าภาพด้วย เป็นต้น


อันดับ 4 ห้ามพบปะสนทนากับเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียโดยเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น (Say "Hi" to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)
สากล: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ซาอุฯ: "สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน"
ซาอุดิอาระเบียมี กฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ คุณอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้, ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว(มันก็ดีนี้น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ)จับมือทักทายผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช้สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายในStarbucks และถูกการจับกุมและถึงขั้นขึ้นศาล


อันดับ 5 มารยาทอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)
สากล:นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะผมจุไม่ได้แล้วครับ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ......
เจ้าภาพ-เจ้าของบ้าน(ของประเทศทั้งสาม)นั้นให้ความสำคัญกับแขกเวลามาบ้านคุณ พวกเขาจะจัดทำอาหารอย่างดีที่สุด โดยเลือกวัตถุดิบดีๆที่สุด อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบในการทำอาหารในประเทศนั้นค่อนข้างแพงทำให้เจ้าของบ้านทำอาหารให้พอเหมาะแก่ความต้องการต่อแขกเท่านั้น


อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)
สากล: "กู๊ด มันยอดเยี่ยม"
ตะวันออกกลาง: "เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง"
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในตะวันออกกลางนี้ แม้ว่ายกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงอากิริยาสากลก็เถอะ เราไม่รู้ที่มาการห้ามนี้มาจากที่ใด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยมากว่าพันปีมาแล้วในสมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด(โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้(ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย โดยถ้าเจ้าภาพจะทำมือเอานิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า และแหล่งกำเนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่รอบๆ อาณานิคมของโรมในที่สุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น "อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน"


อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)
สากล:พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
กรีก: "นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!"
ในประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยทำแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขาครับ มันที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อใดที่อาชญากรทำผิดอาญาเขาจะจับคนนั้นขังบนกรงและแห่เป็นขบวนพาเหรดบนหลังม้าตามท้องถนน และผู้คุมจะสีดำลงในหน้าของนักโทษเพื่อประจาน ถือว่าอับอายมากๆ ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นคุณทำมือแบบนี้ละก็ ชาวกรีกจะนึกว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขาอย่างมากๆ เพราะคุณเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี้เอง

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

การบูร


ชื่อท้องถิ่น: อบเชยจีน
ถิ่นกำเนิด: จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน
ลักษณะวิสัย: ไม้ต้น
ลักษณะ: ไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ 10 - 15 เมตร อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นและกิ่งเรียบ ทุกส่วนมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะที่รากและโคนต้น มีกลิ่นหอมมากกว่าส่วนอื่นๆ ตาใบมีเกล็ดซ้อนเหลื่อมหุ้มอยู่ เกล็ดชั้นนอก เล็กกว่าเกล็ดชั้นในตามลำดับ ใบเดี่ยว เรียงสลับรูปไข่ หรือรูปรี กว้าง 2-7 ซ.ม. ยาว 5-11 ซ.ม.ปลายเรียวแหลม โคนสอบ ขอบเรียวแผ่นใบค่อนข้างเหนียว ด้านบนเป็นมัน ด้านล่างมีนวล เส้นแขนงใบ ข้างละ 2-3 เส้น คู่ล่างเห็นได้ชัดกว่าคู่บน และออกใกล้โคนใบ มีต่อม 2 ต่อม ที่ง่ามใบคู่ล่าง ก้านใบยาว 1.5-2.5 ซ.ม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามง่ามใบ ยาวประมาณ 7 ซ.ม. ใบประดับเรียวยาว ร่วงง่าย มีขนอ่อนนุ่ม ดอกเล็ก สีเหลืองอ่อน ก้านดอกสั้นมากยาวประมาณ 1 ม.ม. กลีบรวม 6 กลีบ รูปรี ปลายมน ยาวประมาณ 2 ม.ม.โคนติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ ด้านในมีขนอ่อนนุ่ม เกสรเพศผู้ 9 อัน เรียงเป็น 3 วง วงนอกและวงกลางแยกออกจากกัน มีขนอ่อนนุ่ม ผลค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.7-1.2 ซม. สีเขียวเข้ม เปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแก่ มี 1 เมล็ด
ประโยชน์: เมื่อนำส่วนต่าง ๆ ของการบูรมากลั่นจะได้น้ำมันหอมระเหย สำหรับ camphor ใช้เป็นยาระงับเชื้ออย่างอ่อน ยากระตุ้นหัวใจ ขับลม ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ปวด ทำยาทาถูนวด แก้ปวดตามข้อ
การขยายพันธุ์: ตอนกิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Numerology

Numerology
Numerology is the study of numbers, and the occult manner in which they reflect certain aptitudes and character tendencies, as an integral part of the cosmic plan. Each letter has a numeric value that provides a related cosmic vibration. The sum of the numbers in your birth date and the sum of value derived from the letters in the name provide an interrelation of vibrations. These numbers show a great deal about character, purpose in life, what motivates, and where talents may lie. Experts in numerology use the numbers to determine the best time for major moves and activities in life. Numerology is used to decide when to invest, when to marry, when to travel, when to change jobs, or relocate. I'm not claiming that this website is going to make an expert of you so that all these questions can be answered, but we can at least get you on the way.
The first question I asked when numerology was exposed to me was why does it work. The second question was how does it work. Well, if we could answer these questions it wouldn't be an occult study, would it? Is it a God force? Do numbers have vibrations or something like that? Who knows? Just be objective and give it a try.
Pythagoras, the Greek mathematician who live from 569-470 B.C., is said by many to be the originator of much of what we call numerology today. The actual origins of numerology predate Pythagoras, the most popular being the very old Hebrew Kabbala. In the twentieth century, the old discipline seems to magically reappear in the form of a series of books published from 1911-1917 by L. Dow Balliett and it was helped along in the 30s by Florence Campbell, and within the next few decades a wealth of literature was available to the public. Indeed, if you look at the past 90 years, it would seem that the discipline has moved very rapidly. But perhaps all of this was known at a much earlier time, and it was just hiding from us for a while.

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Police Message: Coke+Ajinomoto Can be Used To Rape Ladies For Info
คำเตือนจากตำรวจ โค้ก + อายิโนะโมโต๊ะ ( ผงชูรส) สามารถใช้เพื่อข่มขืนหญิงสาวได้DO YOU KNOW ? Coke+Ajinomoto Can be Used To Rape Ladies
คุณรู้หรือไม่? ว่าโค้ก + อายิโนะโมโต๊ะ สามารถนำมาเพื่อใช้ในการข่มขืนหญิงสาวได้อย่างไร
I received a news about the recent tactic used to spike girls' drink.
ฉันได้รับข่าวเมื่อเร็ว ๆนี้ถึงรายละเอียด ที่นำมาใช้สำหรับเครื่องดื่ม (แอลกอฮอล์) ของสาว ๆ
It is a cheap and widely used method.
วิธีการนี้เป็นวิธีที่ประหยัดและใช้กันอย่างแพร่หลาย
This method was used in Canny Ong murder.
วิธีการนี้ถูกนำมาใช้ในในคดีฆาตกรรมของ แคนดี้ อ๋อง
Rapist uses this method.
ผู้ข่มขืนใช้วิธีการดังนี้
Coca-cola+ajinomoto/monosodium glutamate = a medicine which will cause drowsiness and excitement in the victim.
โค้ก + อายิโนะโมโต๊ะ / โมโนโซเดียมกลูตาเมต = ยาที่มีผลทำให้เหยือเกิดอาการมึนและตื่นเต้นเร่าร้อน
This mixture is poisonous if used too often on the victim.
ส่วนผสมนี้จะกลายเป็นยาพิษหากถูกใช้กับเหยื่อมากเกินไป

DO NOT accept coca-cola or any other drinks from stranger / evenIf it is your friend that you are not very close with.
อย่าได้รับเครื่องดื่ม โค้กหรือเครื่องดื่มใด ๆ จากคนแปลกหน้า ถ้าหากเขาไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่คุณสนิทสนมเป็นอันขาด

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Culture of French Food

Culture of French Food
French cuisine is extremely diverse, with only the Chinese having similar variety in their food. This variety is supported by the French passion for good food in all its forms, France's extraordinary range of different geographies and climates which support the local production of all types of ingredients, and France's long and varied history. In many ways, an understanding of the culture of French food and recipes is an understanding of France itself.


Meals range from the very basic, such as the traditional baguette plus cheese plus inexpensive wine, to very elaborate affairs than can involve a dozen courses and different wines consumed over several hours. Obviously, the latter type of dining is exceptional for most people. However, it is this more sophisticated dining which is typically found in "French restaurants" outside France, giving many foreigners the mistaken impression that French food is heavy and complicated. In fact, much of the French cuisine is fairly simple, relying on high quality fresh ingredients and loving preparation rather than complex recipes.

It is common in much of France to take a two hour break for lunch, with many working parents (particularly in villages and smaller towns) returning home for lunch. In some areas, mainly in the south of France, even longer lunch breaks are taken. Due to the long lunch break, businesses which close for this period typically reopen around 2PM or so and then stay open until about 7PM.

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

HUA HIN



The oldest and most traditional Thai resort combines the attractions of a modern holiday destination with the charm and fascination of a still active fishing port.And while most other Thai holiday destinations cater mainly to foreign tourists, Hua Hin is a holiday resort for foreigners and Thais.

Read more: Phu Montra - More than the Sum of its Parts...
Besides it's great 5 mile long beach Hua Hin provides the highest density of world class
golf courses anywhere in Thailand while it's yet virtually undiscovered as an international Golf destination. Green-fees and other costs are currently among the lowest in the world while course maintenance and services are superb.
History
While the beaches of Phuket and Samui were discovered only recently and have since undergone rapid and sometimes destructive development, Hua Hin has already been the favourite Thai resort for over 70 years.
The resort was discovered in the early 1920s by King Rama VII as an ideal getaway from the sultry metropolis of Bangkok. The tranquil fishing village was turned into the Royal resort and consequently became popular among Siam's nobility and upper-class.
The construction of a railway line from Bangkok ensured its accessibility and popularity with a wider part of the the Thai public.But it was the resort's royal endorsement which has given Hua Hin a special character of its very own.
In 1928, King Rama VII built his Klai Kangwon (Far From Worries) Palace which remains until this today an official royal residence. It is still frequently used by members of the royal family and is open to the public for visits.
Hua Hin continued to develop in its own leisurely way, both as an aristocratic resort with the added attraction of an 18-hole golf course, and as a fishing port. The Railway Hotel, today's Sofitel Central Hua Hin, was built by the State Railways of Thailand in 1923 in the architectural style of old Siam.
Many of Bangkok's rich and famous built their own beachfront summer homes to the north and south along the curving sandy bay, enjoying leisurely family weekends in a resort which has maintained its unique identity.

Attractions
Today's visitor to Hua Hin will still sense this special atmosphere and old world charm.
Besides sun-filled days on the mile-long beach there are leisure activities for the whole family from watersports to golf. The area around the town let's you discover fabulous parks and peaks, caves and waterfalls.
In the evening the winding roads with a great variety of shops make a great stroll. And the restaurants built on stilts into the sea offer superb seafood in the legendary and unsurpassed preparation of the Thai cuisine.
Hua Hin has all the ingredients for a very special holiday experience.

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Beach

Whilst loosely based upon the game of cricket, many aspects are improvised: the playing ground, the rules, the teams, and the equipment. Quite often there are no teams at all; the players take turns at batting and there is often no emphasis on actually scoring runs. The bat can be anything, as long as it can hit the ball and can be suitably held in the hands. However, usage of a bat is necessary (otherwise it wouldn't really be cricket). A ball is the other essential item. Tennis balls are often used due to the fact that they are less likely to inflict injuries than a cricket ball. They are also much cheaper and more readily available than a leather cricket ball and is easier to hit due to it having a slower air-speed and being relatively light. The pitch can be any stretch of ground that is reasonably flat. The wicket may be any convenient object - a cardboard box, a rubbish bin, case of beer, telegraph pole, tree or a drawing on the wall. Often, the wicket is by no means close to the official size, but it is used anyway. A wicket at the non-striker's end is generally a single stump if proper stumps are available and in the absence of larger objects may be just a hat or a shoe. Its main purpose is to mark the bowler's crease, but most of the time you can get run out by it. There are no footwear requirements for backyard cricket: they vary from trainers to sandals to high heels to just plain bare feet.